Sunday, September 27, 2009

บทซิกิรยามเช้าและยามเย็น


บทซิกิรยามเช้าและยามเย็น
﴿أذكار ا لصباح والمساء﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [


มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์



แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน
ผู้ตรวจทาน : ฟัยซอล อับดุลฮาดี
ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

2009 - 1430



﴿أذكار ا لصباح والمساء﴾
« باللغة التايلاندية »


الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري



ترجمة: صافي عثمان
مراجعة: فيصل عبدالهادي
المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي

2009 - 1430



ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

บทซิกิรยามเช้าและยามเย็น

นี่คือบทซิกิรที่มุสลิมทุกคนควรจะต้องอ่านเป็นประจำทั้งยามเช้าและยามเย็น ซึ่งมีปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺที่ถูกต้องของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม

เวลาซิกิร
ยามเช้า : ตั้งแต่อรุณรุ่ง (แสงสีขาวปรากฏตอนรุ่งสางหรือเริ่มเวลาละหมาดศุบหฺ) จนกระทั่งดวงตะวันขึ้น
ยามเย็น : ตั้งแต่เริ่มเวลาละหมาดอัศร์จนกระทั่งตะวันตกดิน
อย่างไรก็ตาม เวลาเหล่านี้เปิดกว้างสำหรับคนที่มีภารกิจยุ่งหรือหลงลืมไป
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
﴿فَاصْبِرْ عَلَى مَا يَقُولُونَ وَسَبِّحْ بِحَمْدِ رَبِّكَ قَبْلَ طُلُوعِ الشَّمْسِ وَقَبْلَ الْغُرُوبِ ﴾
ความว่า "ดังนั้น จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าว(ว่าร้าย) และจงสรรเสริญสดุดีพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าก่อนดวงตะวันขึ้นและก่อนที่ตะวันตกดิน"
(กอฟ : 39)

บทซิกิรสำหรับยามเช้าและยามเย็น
- จากอุษมาน อิบนุ อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَا مِنْ عَبْدٍ يَـقُولُ فِي صَبَاحِ كُلِّ يَومٍ وَمَسَاءِ كُلِّ لَيْلَةٍ: بِاسْمِ الله الَّذِي لا يَضُرُّ مَعَ اسْمِهِ شَيْءٌ فِي الأَرْضِ وَلا فِي السَّمَاءِ وَهُوَ السَّمِيعُ العَلِيمُ، ثَلاثَ مَرَّاتٍ فَيَضُرَّهُ شَيْءٌ».
ความว่า "ไม่มีบ่าวคนใดที่กล่าวทุกเช้าและทุกเย็นว่า ...
بِاسْمِ الله الَّذِي لا يَضُرُّ مَعَ اسْمِهِ شَيْءٌ فِي الأَرْضِ وَلا فِي السَّمَاءِ وَهُوَ السَّمِيعُ العَلِيمُ
(ความหมายดุอาอฺ : ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดๆ บนพื้นแผ่นดินและชั้นฟ้าสามารถให้โทษพร้อมกับพระนามของพระองค์ได้ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้ยิ่ง) ... จำนวนสามครั้ง แล้วจะมีสิ่งใดมาแผ้วพานทำร้ายเขาได้ (คือไม่มีสิ่งใดสามารถให้โทษหรือภัยใดๆ แก่เขาได้อีก)"
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3388 และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 3869 และนี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน)

- จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า ได้มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และกล่าวว่า "โอ้ ท่านรอซูลุลลอฮฺ ฉันพบสิ่งที่ได้รับ(หมายถึง เขาได้บอกถึงอาการเจ็บปวด) จากแมงป่องที่ได้ต่อยฉันเมื่อคืนนี้" ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ตอบว่า
«أَمَا لَو قُلْتَ حِينَ أَمْسَيتَ: أَعُوذُ بِكَلِـمَاتِ الله التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ، لَـمْ تَضُرَّكَ».
ความว่า "หากท่านกล่าวเมื่อถึงเวลาเย็นว่า ...
أَعُوذُ بِكَلِـمَاتِ الله التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ
(ความหมายดุอาอ์ : ข้าขอความคุ้มครองด้วยพระพจนารถแห่งอัลลอฮฺที่สมบูรณ์ยิ่ง (ให้ปลอดภัย) จากความชั่วร้ายของสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง) ... แน่นอน มันก็จะไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้" (บันทึกมุสลิม หมายเลข 2709)

- จากอุบัยย์ อิบนุ กะอับ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า:
ท่านได้เกิดความรู้สึกเสียใจเนื่องจากผลอินทผลัมที่ลดน้อยลง คืนหนึ่งท่านจึงได้เฝ้าผลอินทผลัมนั้น ปรากฎว่ามีสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งมาหา รูปร่างเหมือนเด็กเพิ่งแตกวัยหนุ่ม ท่านจึงให้สลามแก่มันและมันก็รับสลาม ท่านถามว่า "เจ้าเป็นสิ่งใดกันแน่ เป็นญินหรือมนุษย์?" มันตอบว่า "ไม่(หมายถึงไม่ใช่มนุษย์) เราเป็นญินต่างหาก" – ในรายงานมีระบุว่า – "แล้วมีสิ่งใดที่จะทำให้เรารอดพ้นจากเจ้า ?" เจ้าสิ่งนั้นตอบว่า "อายะฮฺนี้ที่อยู่ในสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ
(الله لا إله إلا هو الحي القيوم)
(หมายถึงอายะฮฺ อัล-กุรสีย์) ใครที่อ่านมันยามเย็น เขาก็จะได้รับความปลอดภัยจากพวกเราจนกระทั่งเช้า ใครที่อ่านมันยามเช้า เขาก็จะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากพวกเราจนถึงเย็น" รุ่งขึ้นท่านอุบัยย์ ก็ไปหาท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบว่า
«صَدَقَ الخَبِيْثُ»
ความว่า "เจ้าตัวร้ายได้พูดความจริง"
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัล-หากิม หมายเลข 2064 และอัต-เฎาะบะรอนีย์ ใน อัล-กะบีร 1:201)

- จากอบู มัสอูด อัล-บัดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า :
«الآيَتَانِ مِنْ آخِرِ سُورَةِ البَقَرَةِ مَنْ قَرَأَهُـمَا فِي لَيْلَةٍ كَفَتَاهُ».
ความว่า "สองอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ ใครที่อ่านมันทุกคืน ย่อมเป็นการเพียงพอแก่เขา (หมายถึงช่วยปกป้องเขาจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ หรือเป็นผลบุญที่ครบถ้วนเพียงพอแก่เขาจากสิ่งอื่นแล้ว)"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 4008 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลข 807)

- จากมุอาซ อิบนุ อับดุลลอฮฺ จากบิดาของท่าน เล่าว่า:
(ครั้งหนึ่ง)พวกเราประสบกับฝนตกหนักและความมืดมิด และเราก็ได้รอให้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ออกมาร่วมละหมาดกับเรา แล้วท่านก็ออกมาเพื่อละหมาดกับเรา และได้กล่าวว่า "จงอ่าน" ฉันได้กล่าวถามว่า "ให้ฉันอ่านอะไร?" ท่านรอซูลตอบว่า
«قُلْ هُوَ الله أَحَدٌ، وَالمُعَوِّذَتَيْنِ حِينَ تُـمْسِي وَحِينَ تُصْبِـحُ ثَلاثاً يَكْفِيكَ كُلَّ شَيْءٍ».
ความว่า "กุลฮุวัลลอฮุ อะหัด (สูเราะฮฺ อัล-อิคลาศ) และอัล-มุเอาวิซะตัยนฺ (สองสูเราะฮฺที่ใช้อ่านเพื่อขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ นั่นคือ สูเราะฮฺ อัล-ฟะลัก และสูเราะฮฺ อัน-นาส) เมื่อท่านอ่านสามครั้งทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้า มันย่อมเพียงพอแก่ท่านจากทุกๆ สิ่ง"
(หะดีษ หะสัน บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3575 และอัน-นะสาอีย์ หมายเลข 5428 นี่เป็นสำนวนรายงายของท่าน)

- จากอบู มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«إذَا أَصْبَـحَ أَحَدُكُمْ فَلْيَـقُلْ : أَصْبَـحْنَا وَأَصْبَـحَ المُلْكُ للهِ رَبِّ العَالَـمِينَ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ خَيرَ هَذَا اليَومِ فَتْـحَهُ وَنَصْرَهُ وَنُورَهُ وَبَرَكَتَـهُ وَهُدَاهُ، وَأَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا فِيهِ، وَشَرِّ مَا بَـعْدَهُ، ثُمَّ إذَا أَمْسَى فَلْيَـقُلْ مِثْلَ ذَلِكَ».
ความว่า "เมื่อพวกท่านคนใดคนหนึ่งได้ตื่นเช้าขึ้นมาให้เขากล่าวว่า ...
أَصْبَـحْنَا وَأَصْبَـحَ المُلْكُ للهِ رَبِّ العَالَـمِينَ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ خَيرَ هَذَا اليَومِ فَتْـحَهُ وَنَصْرَهُ وَنُورَهُ وَبَرَكَتَـهُ وَهُدَاهُ، وَأَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا فِيهِ، وَشَرِّ مَا بَـعْدَهُ
(ความหมายดุอาอ์ : พวกเราได้มีชีวิตอยู่ในเช้านี้ (ค่ำคืนนี้) โดยที่อำนาจการปกครองเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอวิงวอนต่อพระองค์ซึ่งการเปิดทาง ชัยชนะและความช่วยเหลือ รัศมี สิริมงคล และทางนำของวันนี้ และฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายในวันนี้และหลังจากนั้น) แล้วเมื่อถึงเวลาเย็นก็ให้เขากล่าวเช่นเดียวกันนั้น (คือให้เปลี่ยนจาก أصبحنا وأصبح ให้เป็น أمسينا وأمسى แทน" (หะดีษ หะสัน บันทึกโดยอบู ดาวูด หมายเลข 5084)

- จากเษาบาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่าท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«مَا مِنْ عَبْدٍ مُسْلِـمٍ يَـقُولُ ثَلاثَ مَرَّاتٍ حِينَ يُـمْسِي أَوْ يُصْبِـحُ: رَضِيتُ بِالله رَبّاً، وَبِالإسْلامِ دِيناً، وَبِمُـحَـمَّدٍ نَبِيّاً، إلَّا كَانَ حَقّاً عَلَى الله عَزَّ وَجَلَّ أَنْ يُرْضِيَـهُ يَومَ القِيَامَةِ».
ความว่า "ไม่มีบ่าวมุสลิมคนใดที่อ่านจำนวนสามครั้งในยามเช้าและยามเย็นว่า
رَضِيتُ بِالله رَبّاً، وَبِالإسْلامِ دِيناً، وَبِمُـحَـمَّدٍ نَبِيّاً.
(ความหมายดุอาอ์ : ข้าพอใจด้วยอัลลอฮฺเป็นองค์อภิบาล พอใจด้วยอิสลามเป็นศาสนา และพอใจด้วยท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นนบี) เว้นแต่ ย่อมเป็นสิทธิของอัลลอฮฺที่จะทรงโปรดปรานแก่เขาในวันกิยามะฮฺ"
(หะดีษ หะสัน บันทึกโดย อะหฺมัด หมายเลข 23499 นี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน และอบู ดาวูด หมายเลข 5072)

- จากอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นเมื่อถึงเวลาเย็นจะกล่าวว่า:
«أَمْسَيْنَا وَأَمْسَى المُلْكُ للهِ، وَالحَـمْدُ للهِ، لا إلٰـهَ إلَّا اللهُ وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ مِنْ خَيرِ هَذِهِ اللَّيلَةِ، وَخَيرِ مَا فِيهَا، وَأَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّهَا، وَشَرِّ مَا فِيهَا، اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنَ الكَسَلِ، وَالهَرَمِ، وَسُوءِ الكِبَرِ، وَفِتْنَةِ الدُّنْيَا وَعَذَابِ القَبْرِ»
(ความหมายดุอาอ์ : พวกเรามีชีวิตอยู่ในคำคืนนี้โดยที่อำนาจการปกครองเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และมวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว โดยปราศจากภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันวิงวอนขอต่อพระองค์ โปรดประทานความดีของค่ำคืนนี้ และความดีที่มีอยู่ในค่ำคืนนี้ และฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายของค่ำคืนนี้ และความชั่วร้ายที่มีอยู่ในค่ำคืนนี้ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความเกียจคร้าน ความแก่เฒ่า ความเลวร้ายของความแก่ชรา จากฟิตนะฮฺของโลกนี้ และจากการลงโทษในหลุมฝังศพ) และเมื่อถึงเวลาเช้าท่านจะกล่าวเช่นเดียวกันนั้น ว่า
«أَصْبَحْنَا وَأَصْبَحَ المُلْكُ للهِ، وَالحَـمْدُ للهِ، لا إلٰـهَ إلَّا اللهُ وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ مِنْ خَيرِ هَذا اليَوْمِ ، وَخَيرِ مَا فِيهِ، وَأَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّهِ، وَشَرِّ مَا فِيهِ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنَ الكَسَلِ، وَالهَرَمِ، وَسُوءِ الكِبَرِ، وَفِتْنَةِ الدُّنْيَا وَعَذَابِ القَبْرِ»
(ความหมายดุอาอฺ : พวกเรามีชีวิตอยู่ในเช้านี้โดยที่อำนาจการปกครองเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และมวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว โดยปราศจากภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันวิงวอนขอต่อพระองค์ โปรดประทานความดีของวันนี้ และความดีที่มีอยู่ในวันนี้ และฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายของวันนี้ และความชั่วร้ายที่มีอยู่ในวันนี้ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความเกียจคร้าน ความแก่เฒ่า ความเลวร้ายของความแก่ชรา จากฟิตนะฮฺของโลกนี้ และจากการลงโทษในหลุมฝังศพ)
(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2723)

- จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อถึงเวลาเช้าจะกล่าวว่า
«اللَّهُـمَّ بِكَ أَصْبَـحْنَا، وَبِكَ أَمْسَيْنَا، وَبِكَ نَحْيَا، وَبِكَ نَمُوتُ، وَإلَيكَ النُّشُورُ»
(ความหมายดุอาอฺ : โอ้อัลลอฮฺ พวกเราใช้ชีวิตในยามเช้าด้วยพระองค์ และพวกเราใช้ชีวิตในยามเย็นด้วยพระองค์ พวกเรามีชีวิตอยู่ด้วยพระองค์ และตายด้วยพระองค์ และเราจะฟื้นคืนชีพกลับคืนสู่พระองค์)
และเมื่อถึงเวลาเย็นจะกล่าวว่า
«اللَّهُـمَّ بِكَ أَمْسَيْنَا، وَبِكَ أَصْبَـحْنَا، وَبِكَ نَحْيَا، وَبِكَ نَمُوتُ، وَإلَيكَ المَصِيرُ»
(ความหมายดุอาอฺ : โอ้อัลลอฮฺ พวกเราใช้ชีวิตในยามเย็นด้วยพระองค์ และพวกเราใช้ชีวิตในยามเช้าด้วยพระองค์ พวกเรามีชีวิตอยู่ด้วยพระองค์ และตายด้วยพระองค์ และยังพระองค์คือบั้นปลายที่เราจะกลับคืนสู่)
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ ใน อัล-อะดับ อัล-มุฟร็อด หมายเลข 1234 และอบู ดาวูด หมายเลข 5068)

- จากชัดด๊าด อิบนุ เอาส์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«سَيِّدُ الاسْتِغْفَارِ أَنْ يَـقُولَ: اللَّهُـمَّ أَنْتَ رَبِّي لا إلَـهَ إلَّا أَنْتَ خَلَقْتَنِي، وَأَنَا عَبْدُكَ، وَأَنَا عَلَى عَهْدِكَ وَوَعْدِكَ مَا اسْتَطَعْتُ، أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا صَنَعْتُ، أَبُوءُ لَكَ بِنِعْمَتِكَ عَلَيَّ، وَأَبُوءُ بِذَنْبِي فَاغْفِرْ لِي إنَّهُ لا يَـغْفِرُ الذُّنُوبَ إلَّا أَنْتَ» قَالَ: «وَمَنْ قَالَـهَا مِنَ النَّهَارِ مُوقِناً بِـهَا فَمَاتَ مِنْ يَومِهِ قَبْلَ أَنْ يُـمْسِيَ، فَهُوَ مِنْ أَهْلِ الجَنَّةِ، وَمَنْ قَالَـهَا مِنَ اللَّيلِ، وَهُوَ مُوقِنٌ بِـهَا، فَمَاتَ قَبْلَ أَنْ يُصْبِـحَ، فَهُوَ مِنْ أَهْلِ الجَنَّةِ».
ความว่า "เจ้านาย(หรือแม่บท)ของการกล่าวขออภัยโทษ(อิสติฆฟาร)นั้นคือ
اللَّهُـمَّ أَنْتَ رَبِّي لا إلَـهَ إلَّا أَنْتَ خَلَقْتَنِي، وَأَنَا عَبْدُكَ، وَأَنَا عَلَى عَهْدِكَ وَوَعْدِكَ مَا اسْتَطَعْتُ، أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا صَنَعْتُ، أَبُوءُ لَكَ بِنِعْمَتِكَ عَلَيَّ، وَأَبُوءُ بِذَنْبِي فَاغْفِرْ لِي إنَّهُ لا يَـغْفِرُ الذُّنُوبَ إلَّا أَنْتَ
(ความหมายดุอาอฺ : โอ้อัลลอฮฺ พระองค์คือพระผู้อภิบาลของข้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างข้าและข้าคือบ่าวของพระองค์ ตัวข้ากับสัญญาแห่งผลตอบแทนที่ดีและสัญญาแห่งการลงโทษของพระองค์นั้น (ข้าทำได้)เท่าที่ข้ามีความสามารถเท่านั้น ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายที่ข้าได้กระทำไว้ ข้ากลับไปหาพระองค์ด้วยการยอมรับในความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อตัวข้า และข้าขอกลับไปหาพระองค์ด้วยการยอมรับในความผิดบาปของข้า ดังนั้น ขอได้โปรดประทานอภัยแก่ข้าด้วยเถิด เพราะแท้จริงไม่มีผู้ใดสามารถประทานอภัยในบาปต่างๆ ได้นอกจากพระองค์) ผู้ใดอ่านมันในเวลากลางวัน (ช่วงเช้า) ด้วยความเชื่อมั่นที่แน่วแน่ต่อมัน แล้วเขาได้เสียชีวิตลงก่อนถึงเวลาเย็น เขาจะเป็นหนึ่งในบรรดาชาวสวรรค์ และผู้ใดอ่านดุอาอ์นี้ในเวลากลางคืน (ช่วงเย็น) ด้วยความเชื่อมั่นที่แน่วแน่ต่อมัน แล้วเขาได้เสียชีวิตลงก่อนถึงเวลาเช้า เขาจะเป็นหนึ่งในบรรดาชาวสวรรค์เช่นเดียวกัน"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 6306)

- จากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่าท่านอบู บักร์ อัศ-ศิดดีก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
"โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ จงสอนฉันสิ่งที่ฉันจะกล่าวเมื่อถึงเวลาเช้าและเวลาเย็นด้วยเถิด" ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบว่า "โอ้ อบู บักร์ จงอ่านเถิดว่า
اللَّهُـمَّ فَاطِرَ السَّمَاوَات ِوَالأَرْضِ، عَالِـمَ الغَيبِ وَالشَّهَادَةِ، رَبَّ كُلِّ شَيْءٍ وَمَلِيْكَهُ، أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ نَفْسِي، وَمِنْ شَرِّ الشَّيْطَانِ وَشِرْكِهِ، وَأَنْ أقْتَرِفَ عَلَى نَفْسِي سُوءاً أَوْ أَجُرَّهُ إلَى مُسْلِـمٍ.
(ความหมายดุอาอ์ : โอ้อัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่ซ่อนเร้นและเปิดเผย โอ้พระผู้อภิบาลและครอบครองแห่งสรรพสิ่งทั้งมวล ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายของตัวข้าเอง และจากความชั่วร้ายของชัยฏอนและสมุนของมัน และข้าขอความคุ้มครองจากความชั่วที่ข้ากระทำต่อตัวเอง หรือนำไปกระทำต่อมุสลิมคนอื่น) (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ ใน อัล-อะดับ อัล-มุฟร็อด หมายเลข 1329 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3529)

- จากอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่า:
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ไม่เคยทิ้งที่จะอ่านดุอาอฺเหล่านี้เมื่อถึงเวลาเย็นและเวลาเช้า นั่นคือ
«اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ العَفْوَ وَالعَافِيَةَ فِي الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَسْأَلُكَ العَفْوَ وَالعَافِيةَ فِي دِينِي وَدُنْيَايَ وَأَهْلِي وَمَالِي، اللَّهُـمَّ اسْتُرْ عَوْرَاتِي، وَ آمِنْ رَوْعَاتِي، وَاحْفَظْنِي مِنْ بَينِ يَدَيَّ وَمِنْ خَلْفِي، وَعَنْ يَـمِينِي، وَعَنْ شِمَالِي، وَمِنْ فَوقِي، وَأَعُوذُ بِكَ أَنْ أُغْتَالَ مِنْ تَـحْتِي».
(ความหมายดุอาอฺ : โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงข้าขอวิงวอนต่อพระองค์ได้โปรดประทานอภัยและความปลอดภัย (แก่ข้า) ทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงข้าขอวิงวอนต่อพระองค์โปรดประทานอภัยและความปลอดภัยในศาสนาของข้า โลกดุนยาของข้า ครอบครัวของข้า และทรัพย์สินของข้า โอ้อัลลอฮฺ ขอได้โปรดปกปิดเอาเราะฮฺ (สิ่งที่บกพร่องในตัวข้าและความลับที่ผู้อื่นไม่ควรรู้เห็น) ของข้า และขอได้โปรดประทานความสงบเยือกเย็นในใจของข้า โอ้อัลลอฮฺ ขอได้โปรดคุ้มครองข้าจาก(ความชั่วร้ายที่อยู่) เบื้องหน้าของข้า เบื้องหลังของข้า เบื้องขวาของข้า เบื้องซ้ายของข้า และเบื้องบนของข้า และฉันขอความคุ้มครองด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์จากการถูกจู่โจมจากเบื้องล่างของข้า(หมายถึงธรณีสูบ) .. )
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอบู ดาวูด หมายเลข 5074 และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 3871 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)

- จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَنْ قَالَ حِينَ يُصْبِـحُ، وَحِينَ يُـمْسِي: سُبْـحَانَ الله وَبِـحَـمْدِهِ مِائةَ مَرَّةٍ، لَـمْ يَأْتِ أَحَدٌ يَومَ القِيَامَةِ بَأَفْضَلَ مِـمَّا جَاءَ بِـهِ، إلَّا أَحَدٌ قَالَ مِثْلَ مَا قَالَ، أَوْ زَادَ عَلَيهِ».
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวยามเช้าและยามเย็น ว่า ...
سُبْـحَانَ الله وَبِـحَـمْدِهِ
(ความหมายดุอาอฺ : มหาบริสุทธิ์ยิ่งองค์อัลลอฮฺ และด้วยการสรรเสริญแด่พระองค์) อ่านจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ย่อมไม่มีผู้ใดในวันกิยามะฮฺที่จะนำสิ่งใดๆ อันประเสริฐไปกว่าสิ่งที่เขาได้นำมา(ด้วยการกล่าวบทซิกิรดังกล่าว) นอกจากผู้ที่อ่านเช่นเดียวกับเขาหรืออ่านมากกว่าเขา"
(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2692)

ในสำนวนรายงานหนึ่งระบุว่า
«مَنْ قَالَ سُبْـحَانَ الله وَبِـحَـمْدِهِ فِي يَوْمٍ مِائةَ مَرَّةٍ حُطَّتْ خَطَايَاهُ وَلَو كَانَتْ مِثْلَ زَبَدِ البَـحْرِ».
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าว سُبْـحَانَ الله وَبِـحَـمْدِهِ (สุบหานัลลอฮฺ วะบิหัมดิฮฺ) ในหนึ่งวันจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ความผิดต่างๆ ของเขาจะถูกทำให้ร่วงหล่นลงไป แม้มันจะมากมายเช่นฟองน้ำในทะเลก็ตาม"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 6405 และมุสลิม หมายเลข 2691 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)

- จากอับดุลลอฮฺ ิอิบนุ อับดุรเราะหฺมาน บิน อับซา จากบิดาของท่าน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะกล่าวเมื่อถึงเวลาเช้าและเวลาเย็นว่า
«أَصْبَـحْنَا عَلَى فِطْرَةِ الإسْلامِ، وَعَلَى كَلِـمَةِ الإخْلاصِ، وَعَلَى دِينِ نَبِيِّنَا مُـحَـمَّدٍ صلى الله عليه وسلم، وَعَلَى مِلَّةِ أَبِينَا إبْرَاهِيمَ حَنِيفاً مُسْلِـماً وَمَا كَانَ مِنَ المشْرِكِينَ».
(ความหมายดุอาอฺ : เรามีชีวิตอยู่ในเช้านี้ด้วยฟิฎเราะฮฺ(ความบริสุทธิ์อันเป็นกมลสันดาน)แห่งอิสลาม และบนถ้อยคำที่บริสุทธิ์ (คำปฏิญาณตน ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุหัมมัด เราะสูลุลลอฮฺ) และบนศาสนาของนบีของพวกเรา มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และบนศาสนาของบิดาของพวกเรา นบีอิบรอฮีม ผู้ที่ยึดมั่นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงตรงและยอมจำนนเสมอ และเขาไม่ใช่คนหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ตั้งภาคี) (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอะหฺมัด หมายเลข 15434 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และอัด-ดาริมีย์ หมายเลข 2588 ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ หมายเลข 4674)

- จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่าท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَنْ قَالَ: لا إلَـهَ إلَّا الله وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، لَـهُ المُلْكُ وَلَـهُ الحَـمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ فِي يَومٍ مِائَةَ مَرَّةٍ، كَانَتْ لَـهُ عَدْلَ عَشْرِ رِقَابٍ، وَكُتِبَتْ لَـهُ مِائَةُ حَسَنَةٍ، وَمُـحِيَتْ عَنْـهُ مِائَةُ سَيِّئَةٍ، وَكَانَتْ لَـهُ حِرْزاً مِنَ الشَّيْطَانِ يَومَهُ ذَلِكَ حَتَّى يُـمْسِيَ، وَلَـمْ يَأْتِ أَحَدٌ أَفْضَلَ مِـمَّا جَاءَ بِـهِ إلَّا أَحَدٌ عَمِلَ أَكْثَرَ مِنْ ذَلِكَ».
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวว่า
لا إلَـهَ إلَّا الله وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، لَـهُ المُلْكُ وَلَـهُ الحَـمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
(ความหมายดุอาอฺ : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดสำหรับพระองค์ อำนาจการปกครองและมวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล) ในแต่ละวันจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ย่อมเท่ากับ(การปล่อยทาส)สิบคน และถูกบันทึกแก่เขาหนึ่งร้อยความดีงาม และถูกลบล้างแก่เขาหนึ่งร้อยความผิด และมันจะเป็นปกป้องเขาจากชัยฏอนในวันนั้นจนกระทั่งเย็น และไม่มีผู้ใดในวันกิยามะฮฺที่จะนำสิ่งใดๆ อันประเสริฐไปกว่าสิ่งที่เขาได้นำมา(ด้วยการกล่าวบทซิกิรดังกล่าว) นอกจากผู้ที่อ่านมากกว่าเขา"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 6403 และมุสลิม หมายเลข 2691 สำนวนรายงานเป็นของท่าน)

- จาก อบู อัยยาช เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า
«مَنْ قَالَ إذَا أَصْبَـحَ لا إلَـهَ إلَّا الله وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، لَـهُ المُلْكُ، وَلَـهُ الحَـمْدُ، وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ، كَانَ لَـهُ عِدْلُ رَقَبَةٍ مِنْ وَلَدِ إسْمَاعِيلَ، وَكُتِبَ لَـهُ عَشْرُ حَسَنَاتٍ، وَحُطَّ عَنْـهُ عَشْرُ سَيِّئَاتٍ، وَرُفِعَ لَـهُ عَشْرُ دَرَجَاتٍ، وَكَانَ فِي حِرْزٍ مِنَ الشَّيْطَانِ حَتَّى يُـمْسِيَ، وَإنْ قَالَـهَا إذَا أَمْسَى، كَانَ لَـهُ مِثْلُ ذَلِكَ حَتَّى يُصْبِـحَ».
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวในยามเช้าว่า
لا إلَـهَ إلَّا الله وَحْدَهُ لا شَرِيكَ لَـهُ، لَـهُ المُلْكُ وَلَـهُ الحَـمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
(ความหมายดุอาอฺ : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดสำหรับพระองค์ อำนาจการปกครองและมวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล) นั่นเท่ากับการปลดปล่อย(ทาส)สิบคนจากลูกหลานของอิสมาอีล และถูกบันทึกแก่เขาสิบความดีงาม และถูกลบล้างแก่เขาสิบความผิด และมันจะเป็นปกป้องเขาจากชัยฏอนในวันนั้นจนกระทั่งเย็น และหากเขากล่าวในตอนเย็นก็จะได้รับผลเช่นนั้นจนกระทั่งเช้า"
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอบู ดาวูด หมายเลข 5077 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และ อิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 3867)

- จากอบู อัด-ดัรดาอฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَنْ قَالَ حِينَ يُصْبِـحُ وَحِينَ يُـمْسِي: حَسْبِيَ الله لا إلَـهَ إلَّا هُوَ عَلَيهِ تَوَكَّلْتُ وَهُوَ رَبُّ العَرْشِ العَظِيمِ سَبْعَ مَرَّاتٍ، كَفَاهُ الله عَزَّ وَجَلَّ هَـمَّهُ مِنَ الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ».
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวในตอนเช้าและตอนเย็นว่า ...
حَسْبِيَ الله لا إلَـهَ إلَّا هُوَ عَلَيهِ تَوَكَّلْتُ وَهُوَ رَبُّ العَرْشِ العَظِيمِ
(ความหมายดุอาอฺ : อัลลอฮฺทรงพอเพียงแล้วสำหรับฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แด่เพียงพระองค์เท่านั้นที่ฉันได้มอบหมายและพึ่งพา และพระองค์คือองค์อภิบาลแห่งบัลลังก์อะรัชอันยิ่งใหญ่) อ่านจำนวนเจ็ดครั้งแล้วไซร้ อัลลอฮฺจะทรงทดแทนแก่เขาให้เพียงพอ (ทรงช่วยเหลือเขาและปกป้องเขา) จากความทุกข์ระทมและกังวลในเรื่องดุนยาและอาคิเราะฮฺ"
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอิบนุส สุนนีย์ ในอะมัลเยาม์ วัลลัยละฮฺ หมายเลข 71 อัล-อัรนาอูฏ กล่าวว่าเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ ดู ซาดุล มะอาด 2/376)

- จากอะนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวแก่ฟาฏิมะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ว่า
«مَا يَـمْنَعُكِ أَنْ تَسْمَعِي مَا أُوْصِيكِ بِـهِ؟ أَنْ تَقُولِي إذَا أَصْبَـحْتِ وَإذَا أَمْسَيتِ: يَا حَيُّ يَا قَيُّومُ بِرَحْـمَتِكَ أَسْتَغِيثُ، أَصْلِـحْ لِي شَأْنِي كُلَّهُ، وَلا تَـكِلْنِي إلَى نَفْسي طَرْفَةَ عَينٍ».
ความว่า "อะไรที่ห้ามเจ้าให้ฟังสิ่งที่ฉันได้สั่งเสียแก่เจ้าเล่า ? นั่นคือให้เจ้าอ่านทุกครั้งในเวลาเช้าและเวลาเย็นว่า ...
يَا حَيُّ يَا قَيُّومُ بِرَحْـمَتِكَ أَسْتَغِيثُ، أَصْلِـحْ لِي شَأْنِي كُلَّهُ، وَلا تَـكِلْنِي إلَى نَفْسي طَرْفَةَ عَينٍ
(ความหมายดุอาอ์ : โอ้ผู้ทรงชีวิน ผู้ทรงดำรง(การบริหารจัดการทุกๆ สรรพสิ่ง) ด้วยพระองค์เท่านั้นที่ข้าวิงวอนขอความช่วยเหลือ ดังนั้นขอพระองค์โปรดปรับปรุงกิจการต่างๆ ของข้าให้ดีด้วยเถิด และโปรดอย่าได้ทอดทิ้งหรือปล่อยวางให้เป็นภาระแก่ตัวข้าเพียงลำพัง (โดยไม่ได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากพระองค์) แม้เพียงกระพริบตาเดียว)"
(หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัน-นะสาอีย์ ในอัส-สุนัน อัล-กุบรอหมายเลข 10405 และอัล-หากิม หมายเลข 2000 ดู อัส-สิลสิละฮฺ อัศ-เศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 227)