Thursday, September 10, 2009

รอมฏอนระหว่างข้อบัญญัติและข้อคิด


รอมฏอนกะรีม : รอมฏอนระหว่างข้อบัญญัติและข้อคิด
เดือนรอมฏอนเป็นเดือนที่เก้าของเดือนอาหรับ ซึ่งความเกี่ยวพันกับรากฐานแห่งการศรัทธาการทำความดีและเป็นเดือนที่คัมภีร์อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมา พระองค์อัลลอฮฺทรงได้ตรัสว่า "เดือนรอมฎอน เป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาเพื่อเป็นทางนำแก่มวลมนุษย์ และเป็นหลักฐานที่ประจักษ์แจ้งจากแนวทางที่ถูกต้องและการจำแนก (ระหว่างความจริงกับความเท็จ)"

นอกจากนั้นคัมภีร์อัลกุรอานยังเป็นดวงประทีปที่นำทางมนุษย์ออกจากความมืดสู่ความสว่าง และเป็นคัมภีร์ที่ประมวลไว้ซึ่งสัจธรรม ไม่มีความเท็จเคลือบแฝงอยู่เลย

สิ่งที่พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงใช้ให้ปฏิบัติคู่เคียงกับกับการถือศีลอด คือการปฏิบัติละหมาดกิยามหนือละหมาดตะรอเวียะฮฺ และให้อ่านอัลกุรอาน ทำซิกุรลเลาะฮฺพร้อมกับขอดุอาอฺให้มากในเดือนนี้ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า "ผู้ใดที่ดำรงเดือนรอมฎอนโดยมีความศรัทธา และมีความหวังในการตอบแทน พระองค์อัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษในความผิดที่เขาได้ปฏิบัติให้แก่เขา"
ด้วยการทำความดีเช่นนี้ พระองค์อัลลอฮฺจะทรงพิ่มพูนการตอบแทนให้อย่างมากมาย และผลบุญจากการทำความดีจะมีมากมายหลายเท่า ท่านซัลมาน อัลฟารีชีย์ ได้รายงานจากท่านร่อสู้ล ถึงความประเสริฐของเดือนรอมฎอนไว้ว่า "ผู้ไดที่ปฏิบัติความดีหนึ่งเพิ่มเติมจากความดีประการต่างๆ เขาจะได้รับการตอบแทนเหมือนกับผู้ที่ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรดูอื่น นอกจากนั้นและผู้ใดที่ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรดู เขาจะได้รับการตอบแทน เหมือนกับผู้ที่ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรดู 70 ประการอื่นจากนั้น"
ท่านร่อซุ้ลได้กล่าวอีกว่า "ถ้าหากมนุษย์รู้ถึงความดีที่มีอยู่ในเดือนรอมฎอนแล้วประชาชาติของฉันก็จะหวังที่จะให้ปีทั้งหมดเป็นรอมฎอน"
โดยเหตุนี้บรรดามุสลิมในยุคแรกจึงรอคอยเดือนรอมฎอนอย่างใจจดใจจ่อ และให้การต้อนรับเดือนนี้ด้วยความยินดีโดยมีความหวังที่จะทำความดี และได้รับการตอบแทนจากพระองค์
พระองค์อัลลอฮฺทรงบัญญัติการถือศีลอดเพื่อให้มนุษย์ ได้ขอบคุณพระองค์ต่อความเมตรตาอย่างมากมายที่พระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์อัลกุรอานมาในคืนที่ดีกว่า 1,000 เดือน คือ คืนอัลกอดริ์ พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสว่า "โอ้ บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วทั้งหลาย การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่สูเจ้าทั้งหลายแล้ว ดังที่ได้ถูกกำหนดแก่ผู้ที่มาก่อนสูเจ้าจะยำเกรง"
พระองค์ได้ทรงแจ้งในอายะฮฺนี้ว่า พระองค์ได้ทรงกำหนดในการถือศีลอดเป็นฟัรดูบังคับแก่บรรดามุสลิมทั้งหลาย ถ้าหากว่าเขาปฏิบัติเขาก็จะได้รับผลบุญและถ้าหากว่าเขาละทิ้งก็จะถูกทำโทษ การถือศีลอดนี้มิใช่เป็นครั้งแรกที่ได้ถูกบัญญัติลงมาแต่ทว่าได้ถูกบัญญติมาแก่ประชาชาติก่อนๆแล้ว ซึ่งพระองค์ได้ทรงแต่งตั่งศาสดามาเผยแพร่และได้ประทานคัมภีร์มาชี้แจงแก่เขาเหล่านั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้บรรดามุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจที่มีภาระหนักนี้
พระองค์ทรงตรัสว่า "เพื่อสูเจ้าทั้งหลายจะยำเกรง" เป็นการชี้แจงถึงเป้าหมายของการถือศีลอด เพื่อให้บรรดามุสลิมผู้ถือศีลอดสำนึกมั่นต่ออัลลอฮฺโดยการปกิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม และพยายามระมัดระวังตัวมิให้ปฏิบัติในสิ่งที่ชั่วช้าและน่ารังเกลียด ไม่ว่าจะเปิดเผยหรือซ่อนเร้น อิสลามได้เรียกร้องให้ถือศีลอดแต่อารมณ์เรียกร้องให้เสพความสุขสำราญ ในสภาพนี้ทำให้บุคคลตกอยู่ในการแก่งแย่งกันระหว่างการปฏิบัติตามศาสนา และการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ ศาสนาได้เรียกร้องให้มนุษย์ถือศีลอดเพื่อฝึกให้เขาสามารถข่มจิตใจองเขาให้หลุดพ้นจากการทำความชั่ว การถือศีลอดทำให้บุคคลได้ลิ้มรสความลำบากและยับยั้งการทำความชั่วและอารมณ์ใฝ่ต่ำ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือศีลอดเอง และก่อให้เกิดความสงบภายในสังคม ส่วยการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำจะสิ้นสุดลงด้วยการหันเหออกจากหนทางที่เที่ยงตรงและการตกอยู่ในตันหาอารมณ์ ซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อตัวผู้ปฏิบัติ และทำให้สังคมตกอยู่นความพินาศ แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺไม่ทรงประสงค์จะให้บุคคลต้องประสพกับภัยร้ายพระองค์จึงได้ทรงกำหนดให้มมุสลิททำการถือศีลอด เพื่อเป็นหนทางที่ยับยั้งการทำความชั่วและระงับการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ เริ่มจากการอดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นการฝึกความอดทนทางด้านร่างกาย อันจะฝึกความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ เพื่อต่อสู้กับการล่อลวงของมารร้ายชัยฏอน
บรรดานักปราชญ์ได้ให้คำจำกัดความของการถือศีลอดไว้ว่า หมายถึงการงดเว้นจากการกินการดื่ม และการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ นับตั่งแต่แสงอรุณขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและเนื่องจากเป็ษหมายของการถือศีลอดคือ การยับยั้งมิให้ทำความชั่ว ท่านร่อสู้ลจึงกล่าวว่า "การถือศีลอดเป็นโล่ ถ้าหากว่าผู้หนึ่งในพวกท่านถือศีลอดในวันหนึ่งแล้วเขาไม่ทำชั่ว และพูดจาหยาบคายเมื่อมีผู้หนึ่งดาทอต่อเขาหรือระรานเขา เขาจงกล่าวว่า แท้จริงฉันถือศีลอด ขอสาบานด้วยผู้ที่มีชีวิตของมุฮัมมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดมีความหอม ณ อัลลอฮฺยิ่งกล่าวกลิ่นชะมดเชียง"
ดังนั้น การถือถือศีลอดที่แท้จริงจะสามารถป้องกันและปรับปรุงตัวของผผู้ที่ถือศีลอดเอง และเป็นการฝึกทางจิต ซึ่งผูกความสัมพันธ์และระหว่างบ่าวกับพระเจ้าของเขา และจะยกระดับจิตใจของบุคคลให้มีความสูงส่ง การถือศีลอดจะฝึกจิตใจให้มีความเข้มแข็ง จะปลูกมโนธรรม อบรมจรรยา มารยาท และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสังคม ท่านร่อสู้ล ได้บอกถึงเป้าหมายของการถือศีลอดไว้ในหะดีษของท่านว่า "เมื่อถึงเดือนรอมฎอน ประตูสวรรค์จะถูกเปิด ประตูนรกจะถูกปิด ชัยฏอนจะถูกล่ามโซ่ ผู้ประกาศจะร้องเรียกว่า โอ้ ผู้ปรารถนาจะทำความดีจงมาเถิด และผู้ที่ปรารถนาจะทำความชั่วจงหยุดยั้งเถิด"
ในเมื่อได้มีการปิดประตูสวรรค์ ก็จำเป็นที่มุสลิมจะต้องเปิดประตูแห่งการทำความดี และในเมื่อประตูนรกถูกปิดและชัยฏอนถูกล่ามโซ่ ก็จำเป็นที่มุสลิมจะต้องปิดหนทางสำหรับตัวเองที่จะทำความชั่วด้วย
นอกจากนี้แล้ว การถือศีลอดยังมีคุณประโยชน์อีกดังที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวไว้ซึ่งรายงานโดย อบูฮุรอยเราะฮฺ ว่า "การงานของลูกหลานอาดัม เป็นของเขาโดยความดีจะได้รรับการตอบแทน 10 เท่า จนถึง 700 เท่า พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสว่า นอกจากการถือศีลอด นั่นเป็นของเขาและข้าจะตอบแทนเจ้าเอง แท้จริงเขาละทิ่งอารมใคร่ของเขา อาหารของเขาและเครื่องดื่มของเขาเพื่อข้า สำหรับผู้ถือศีลอดมีความดีใจ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งขณะที่เขาถือศีลอด และอีกครั้งหนึ่งขณะที่ไปพบพระเจ้าของเขา และกลิ่นปากของผู้ถือศีลอดหอม ณ อัลลอฮฺ ยิ่งกว่าชะมดเชียง"
หะดีษนี้มีประโยชณ์อย่างมหาศาล กล่าวคือ ความดีที่มุสลิมประกอบ จะได้รับการตอบแทนเป็นเท่าทวีคูณ เป็น 10 เท่า จนถึง 700 เท่า นอกจากการถือศีลอด พระองค์อัลลอฮฺทรงตอบแทนด้วยพระองค์เองเป็นหลายเท่าทวีคูณ โดยไม่อาจอาจจะนับคำนวณได้
พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงจำกัดในการตอบแทนการถือศีลอดด้วยพระองค์เอง บรรดานักปราชญ์มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับการจำกัดการถือศีลอดของพระองค์อัลลอฮฺ แต่สำหรับข้าพเจ้า ขอกล่าวว่า พระองค์ คือ ผู้ทรงรู้ยิ่งถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับการนี้ เป็นการเพียงพอสำหรับเราที่จะกล่าวว่า การถือศีลอดคือการฝึกหัดทางการปฏิบัติเพื่ออบรมทางร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้บุคคลมีการศรัทธาอย่างแน่นแฟ้น และพร้อมที่จะปฏิบัติความดี จนกลายเป็นนิสัย เพื่อเป็นการภัคดีต่ออัลลอฮฺ และในสังคมกับมนุษย์บุคคลจะไม่ประสพความสำเร็จในการถือศีลอดอย่างแท้จริง นอกจากจะต้องทำการต่อสู้อย่างจริงจังกับจิตใจ ซึ่งถูกชักจูง จากอารมตลอดเวลา แต่ในที่สุดเราก็ประสบชัยชนะสามารถสลัดอารมออกไปได้พร้อมกับยกระดับตัวเองขึ้นมาในฐานะมนุษย์ที่พระองค์อัลลอฮฺทรงเทิดเกียรติ การถือศีลอดเป็นการฝึกให้บุคคลยับยั้งการทำชั่วและดำรงอยู่กับการปฏิบัติความดี เพราะการถือศีลอดไม่เพียงแต่เป็นการอดอาหาร เครื่องดื่ม และอารมใฝ่ต่ำเท่านั้น แต่ทว่าการถือศีลอดจะต้องยับยั้งการกระทำในสิ่งชั่วช้าและน่าเกลียดด้วยท่านร่อสู้ล กล่าวว่า "ผู้ใดไม่สามารถละทิ่งคำพูดที่เหลวไหล และการกระทำตามคำพูดดังกล่าว สำหรับพระองค์อัลลอฮฺก็ไม่ทรงมีความต้องการแต่อย่างใด ในการที่เขาละทิ้งอาหารและเครื่องดื่มของเขา" "มีผู้ถือศีลอดจำนวนมากที่เขาไม่ได้รับสิ่งใดจากการถือศีลอดของเขานอกจากความหิวและความกระหาย"
บัญญัติศาสนาได้กำหนดการลงโทษสถานหนักต่อผู้ที่ละทิ้งการถือศีลอด โดยไม่มีเหตุผลจำป็นใดๆ และรับประทานอาหารในตอนกลางวันระหว่างเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นการละเมิดต่อขอบเขตที่พระองค์อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้ในเดือนที่ยิ่งใหญ่นี้ ท่านร่อสู้ล ได้กล่าวกำชับไว้ว่า "ผู้ใดที่ละเว้นการถือศีลอดในวันหนึ่งของเดือนรอมฎอน โดยไม่ได้รับการผ่อนผันหรือเจ็บป่วย การถือศีลอดตลอดชีวิตก็ไม่อาจชดใช้ได้หมด ถึงแม้ว่าเขาถือศีลอดก็ตาม" "รากฐานของอิสลาม และหลักของศาสนา มีอยู่ 3 ประการ บนสิ่งนี้ อิสลามได้ตั่งขึ้น ผู้ใดที่ละทิ้งสิ่งทั้งสามนี้เขาก็ปฏิเสธต่อสิ่งดังกล่าว ชีวิตของเขาเป็นที่อนุมัติ นั่นคือ การกล่าวปฏิญาณว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ การดำรงละหมาดที่ถูกกำหนด และการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน"
พร้อมกับการกำชับอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ สิ่งที่ก่อให้เกิดความปวดร้าวภายในหัวใจก็คือ เราได้พบมุสลิมจำนวนมากที่ละเมิดบทบัญญัติของพระองค์อัลลอฮฺโดยเจตนาในเดือนนี้ เขากินและดื่มในตอนกลางวันของเดือนรอมฎอน โดยปราศจากความละอาย จึงเป็นเหตุให้ศาสนิกอื่นนำมาวิพากษ์วิจารย์ในทางเสียๆหายๆ เราจึงหวังว่ามุสลิมจะกลับเนื้อกลับตัวและหันกลับมายึดมั่นในศาสนาของอัลลอฮฺ เพื่อได้ดำรงอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง อินชาอัลลอฮฺ

พิมพ์จาก : http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=36&id=235
วันที่ : 10 กันยายน 52 14:35:14
มุสลิมไทย http://www.muslimthai.com