Thursday, September 10, 2009

รอมฎอนเดือนแห่งการตรวจสอบตนเอง


รอมฏอนกะรีม : รอมฎอนเดือนแห่งการตรวจสอบตนเอ
เดือนรอมฎอนก็ได้ผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า เราได้ตรวจสอบตัวของเราเองบ้างหรือไม่ว่า เราได้กระทำอะไรไปบ้างวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของเดือนรอมฎอน เราถือศีลอดด้วยการนอนตลอดวัน เพื่อที่จะอดนอนในเวลากลางคืนกระนั้นหรือ ?

เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการทำความดี การบริจาค การทำศ่อดะเกาะฮฺ และการปรึกษาหารือกันในทางที่ดี เราจะยอมล่ะหรือที่จะให้เดือนอันมหาประเสริฐนี้ผ่านไป โดยที่เรามิได้กระทำความดีเพื่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ เพื่อความเมตตาของพระองค์ เพื่อที่จะให้พระองค์ทรงยกโทษให้แก่เรา ด้วยการวิงวอนขอต่อพระองค์ให้เรารอดพ้นจากไฟนรก และเข้าสู่สวนสวรรค์ของพระองค์


เดือนรอมฎอนตลอดทั้งเดือนเป็นโอกาสพิเศษที่เราทุกคนจะต้องรีบฉวยเพื่อวิงวอนขอต่อพระองค์ ให้ทรงรับการทำความดีของเรา การละหมาดของเรา การถือศีลอดของเรา การกระทำความดีของเรานั้นมิใช่กระทำด้วยความเกียจคร้านหรือกระทำอย่างเสียมิได้ เรามิได้รำลึกถึงคำเตือนของท่านนบี ที่ได้กล่าวขณะที่ท่านได้ก้าวขึ้นมิมบัร แล้วท่านญิบรีลได้กล่าวแก่ท่านนะบี ว่า

“ผู้ใดที่รอมฎอนมาเยือนเขา แล้วเขาถือศีลอดในเวลากลางวันและยืนละหมาดในเวลากลางคืน เมื่อเขาตายไป อัลลอฮฺมิได้ยกโทษให้แก่เขา เขาจะเข้าสู่ไฟนรก นั่นคืออัลลอฮฺทรงให้เขาอยู่ห่างไกลจากความเมตตาของพระองค์”

เราได้รับความเข้าใจจากฮะดีสนี้ก็คือ มุสลิมคนนี้เขาถือศีลอดในเวลากลางวัน แต่การถือศีลอดของเขาไร้ผล คือไม่ได้รับการตอบรับ เรามาพิจารณาดูการถือศีลอดของบุคคลผู้นี้ว่าเขาได้ปฏิบัติไปตามที่อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ทรงใช้ให้กระทำหรือไม่ แน่นอนการถือศีลอดของเขาย่อมไม่ตรงกับข้อใช้ ข้อห้ามที่ได้กำหนดไว้ แต่เขาถือศีลอดตามอารมณ์ แล้วกระทำสิ่งที่เขาต้องการจะกระทำ โดยมิได้คำนึงถึง หรือมีความสำนึกว่าอะไรควรอะไรไม่ควรกระทำ แต่แล้วการถือศีลอดของเขาก็ได้แต่เพียงการอดอาหารอดน้ำในเวลากลางวันเท่านั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายที่รอมฎอนแล้วรอมฎอนเล่าผ่านพ้นเข้าไป เขาก็ยังมีสภาพอยู่เช่นนี้ มิได้สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหันหน้าเข้าขออภัยโทษต่อองค์พระผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงอภัยโทษแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่สำนึกผิด โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่กระทำในสิ่งผิดกับคำสั่งใช้คำสั่งห้ามของพระองค์อีกต่อไป เสียใจในการกระทำความผิดที่แล้ว ๆ มา ตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่ความดีตลอดไป นี่คือลักษณะที่ดีของปวงบ่าวอัลลอฮฺที่พระองค์จะทรงยกโทษในความผิดของเขาที่ล่วงเลยมาในอดีต การยืนละหมาดในเวลากลางคืนของเดือนรอมฎอนก็เช่นเดียวกัน ทำไมอัลลอฮฺจึงไม่รับการละหมาดของเขา แน่นอนการละหมาดของเขาย่อมปราศจากวิญญาณ ซึ่งไม่ตรงกับที่อัลลอฮฺได้กล่าวยืนยันเป็นพยานถึงสภาพที่แท้จริงของผู้ที่ยืนละหมาดในเวลากลางคืนไว้ว่า



ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาต่อสัญญาณทั้งหลายของเราเท่านั้น ที่เมื่อพวกเขาถูกเตือนให้รำลึกถึงสัญญาณเหล่านั้น พวกเขาจะก้มลงสุญดและสดุดีสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่หยิ่งผยอง สีข้างของพวกเขาจะเคลื่อนห่างจากที่นอน พลางวิงวอนของต่อพระเจ้าของพวกเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ สำหรับพวกเขาให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาเป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้” (32:15-16)

...........................................................................................
คัดลอกจาก : อัล-อิสลาหฺสมาคม

พิมพ์จาก : http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=36&id=267
วันที่ : 10 กันยายน 52 14:43:52
มุสลิมไทย http://www.muslimthai.com