Thursday, September 10, 2009

รอมฏอนกะรีม

รอมฏอนกะรีม : ขอต้อนรับเดือนรอมฎอน
ขอต้อนรับเดือนรอมฎอน

โดย เชคหะซัน มะมูน อิหม่ามใหญ่ของอัลอัซฮัร

บรรดาหนังสือชีวประวัติของท่านนบีมูฮำหมัดเเละหนังสือฮาดิษ ท่านนบีมูฮำหมัด บิน อับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ ได้ปล่อยภรรยาเเละลูกๆของท่านอยู่ตามลำพัง และท่านได้ใช้เวลาค่ำคืนส่วนใหญ่ภายในถ้ำหิรออ์ ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมักกะฮ์ ท่านอยู่ในถ้ำเพียงคนเดียว โดยพินิจพิจารณาถึงธรรมชาติที่อยู่โดยรอบ เพื่อที่จะค้นหาความจริงที่บุคคลส่วนมากได้หลงผิด พวกพ้องของท่านแกะสลักเเล้วนำไปตั้งไว้โดยรอบกะอ์บะฮ์ ทุกเผ่าจะเคารพสักการะรูปเจว็ดของตนเมื่อท่านเห็นเช่นนั้น จึงคัดค้านต่อการบูชาเจว็ดดังกล่าว ซึ่งมันไม่ให้โทษหรือยังประโยชน์อันใดมันไม่ได้บังเกิดมนุษย์หรือสัตว์ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ ท่านได้พิจารณาในจักรวาลอันกว้างใหญ่ เเละพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงในศาสนาอื่นๆ ท่านได้เห็นชนกลุ่มหนึ่งเคารพภักดีต่ออัลเลาะฮ์ตามเเนวทางของท่านนบีมูซา เเละอีซาในตอนเเรกท่านก็มีความเสื่อมในศรัทธาในศาสนาดังกล่าว เเต่ต่อมาท่านก็ปฎิเสธต่อความเชื่อถือของกลุ่มชนผู้ดำเนินตามท่านนบีมูซาที่ว่าอุไซร์ เป็นบุตรของอัลเลาะฮ์และปฎิเสธต่อกลุ่มชนผู้ดำเนินตามนบีอีซาซึ่งเชื่อว่านบีอีซา (เยซู)เป็นบุตรของอัลเลาะฮ์ ท่านปฎิเสธลัทธิที่มีมลทินโดยที่มีความเชื่อมั่นว่าจะต้องมีพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์อย่างแน่นอนท่านได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวภายในถ้ำฮิรออ์ ท่ามกลางความวิเวกวังเวงเเละห่างไกลความอึกทึกของผู้คนและการงานอันยุ่งยาก ท่านได้ใช้สติปัญญาพินิจพิจารณาการเกิดของจักรวาล บรรดาพืช สัตว์ มนุษย์ตลอดจนสรรพสิ่งต่างๆ

ขณะที่ท่านครุ่นคิดอย่างด่ำดื่มในคืนหนึ่ง –คืนหนึ่งในเดือนรอมฎอน – ท่านได้เห็นภาพมะลาอิกะฮ์โดยที่เขาได้กล่าวกับท่านว่า “จงอ่าน” ท่านนบีได้กล่าวตอบว่า “ฉันอ่านไม่เป็น” มะลาอิกะฮ์ท่านนั้นก็สวมกอดท่านจนกระทั่งเกิดความอึดอัดเเล้วเขาก็ปล่อยพร้อมกับกล่าวอีกว่า “จงอ่าน” ท่านนบีได้กล่าวว่า “ฉันอ่านไม่เป็น” เขาก็เข้าสวมกอดท่านรอซูล เขาทำเช่นนี้ 3 ครั้ง จึงสอนให้ท่านบีมูฮำหมัดอ่านว่า
“(มูฮำหมัด) จงกล่าวอ่านด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงบังเกิด พระองค์ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด (มูฮำหมัด) จงอ่าน โดยที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าผู้ทรงเกียรติยิ่ง พระองค์ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้” (ซูเราะฮ์ อัล อะลัก อายะฮ์ที่ 1-4)

ท่านนบีได้อ่านตามที่ได้ยินมา เหมือนกับว่าถ้อยคำนั้นถูกสลักไว้ในหัวใจของท่าน เมื่อมะลาอิกะฮ์ ท่านนั้นไปแล้ว ท่านนบีมูฮำหมัด ก็ทบทวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสิ่งที่ท่านได้ยิน ท่านรำพึงว่า นั่นเป็นความฝันหรือเปล่าหรือเป็นวะฮีย์ที่มีมายังท่าน เมื่อท่านมีความตระหนกเเละมีความกระวนกระวายใจมากขึ้น ท่านจึงได้รีบออกจากถ้ำ เมื่อท่านมองขึ้นไปยังฟากฟ้า ก็เห็นมาลาอิกะฮ์ท่านนั้นอยู่บนฟากฟ้า ท่านจึงตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รีบวิ่งกลับบ้าน เมื่อไปถึงก็ได้กล่าวกับภรรยาของท่านว่า จงเอาผ้าห่มให้ฉัน จงเอาผ้าห่มให้ฉัน นางคอดียะฮ์จึงนำเอาผ้ามาห่มให้และได้ปลอบใจจนกระทั่งคลายความกลัว ท่านจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นางฟัง นางจึงกล่าวว่า “จงรับการบอกข่าวดี โอ้ลูกของลุงฉันและจงมีความมั่นคง ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของคอดียะฮ์ อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ฉันหวังว่าท่านจะเป็นศาสดาของประชาชาตินี้เเละขอสาบานด้วยอัลเลาะฮ์ พระองค์มิได้ทรงทำให้ท่านต่ำต้อยเเต่อย่างใด เเท้จริงท่านก็มีความสำคัญกับเครือญาติเเละพูดจริง ท่านเเบกภาระของผู้อ่อนเเอ เเละช่วยเหลือเพื่อดำรงความจริง”

ท่านนบีมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ท่านพบเห็นนั้นไม่ใช่การฝัน เเต่ทว่านั้นคือ วะฮีย์ ของอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ได้ทรงประทานมายังศาสดาทั่งหลาย ท่านได้คิดถึงสิ่งที่ท่านได้รับฟังมาเเละรู้ว่า นั้นเป็นความจริงที่ท่านพยายามค้นหา เเท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของท่านคือ พระผู้อภิบาลทุกสิ่ง พระองค์คือผู้ทรงบังเกิด พระองค์ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด เเละทรงทำให้ท่านรู้จักการอ่าน คัมภีร์อัลกุรอาน

คืนหนึ่งของเดือนรอมฎอนที่อัลกุรอานโองการเเรกได้ถูกประทานมานั้นคือ คืนอัลก้อดร์ (ลัยละตุลก้อดร์) ซึ่งถือได้ว่าคืนนี้เป็นคืนที่มีรัศมีของอิสลามเริ่มฉายเเสงขึ้น ต่อมารัศมีของอิสลาม ซึ่งมีอัลกุรอานเป็นสื่อกลางได้เเผ่กระจายไปทั่วจักรวาล เเละทำให้หัวใจของผู้ที่ได้รับรัศมีของอิสลามเปี่ยมล้นไปด้วยการอีหม่าน (การศรัทธา) การตั๊กวา (การยำเกรงอัลเลาะฮ์) ในที่นี้จึงสมควรที่เราจะอ่านอายะฮ์กุรอานเพื่อต้อนรับเดือนที่มีเกียรติที่สุดนี้ คืออายะฮ์ที่ว่า

“เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานมาเพื่อเป็นทางนำเเก่บรรดามนุษย์เเละเป็นการเเสดงให้ปรากฎจากทางนำ เเละการจำเเนกความจริงเเละความเท็จ ดังนั้นผู้ใดในพวกท่านที่เข้าอยู่ในเดือนนี้ เขาจงถือศีลอดเเละผู้ใดที่เจ็บป่วยหรืออยู่ในการเดินทาง ก็จงถือศีลอดในวันอื่น พรองค์อัลเลาะฮ์ทรงต้องการให้ความง่ายดายเเก่สูเจ้าทั้งหลาย เเละไม่ทรงต้องการให้พวกสูเจ้าได้รับความยากลำบาก” ซูเราะฮ์ อัล บากอเราะฮ์/ 185
และในซูเราะฮ์ อัลก๊อดร์ กล่าวคือ

“เเท้จริงเรา (อัลเลาะฮ์) ได้ประทานอัลกุรอานในคืนก๊อดร์ สิ่งใดที่ทำให้สูเจ้ารู้ว่าคืนอัลก๊อดร์เป็นคืนอะไร คืนอัลก๊อดร์ดีกว่าหนึ่งพันเดือน โดยที่มะลาอิกะฮ์เเละวิญญาณ (ญิบรีล) ได้ลงมาในคืนนี้ด้วยการอนุญาตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา พร้อมด้วยทุกกิจการ ความสันติมีอยู่ในคืนนี้ จนกระทั่งเเสงอรุณขึ้น”

ซูเราะฮ์อัดดุคอน กล่าวว่า
“ฮามีม ขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ชัดเเจ้ง เเท้จริงเรา (อัลเลาะฮ์) ได้ประทานคัมภีร์นี้ในคืนที่มีความจำเริญ เเท้จริงเราเป็นผู้ตักเตือน ในคืนนี้ ทุกกิจการที่เด็ดขาดได้ถูกจำเเนกอันเป็นกิจการของเรา เเท้จริง เราคือผู้ส่งมา ซึ่งเป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า แท้จริงพระองค์คือ ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้” (อายะฮ์ที่ 1-6)

ในคืนนี้ พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานความโปรดปรานรัศมีของอิสลามมายังโลกที่มีเเต่ความปั่นป่วนยุ่งเหยิง รัศมีนี้คือ คัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งจะนำมนุษย์ไปสู่ความจริงเเละทำให้เขาออกห่างจากการหลงผิด การตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮ์ การเคารพบูชาต่อสิ่งอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ เเละทำให้ท่านนบีผู้อ่านไม่ออก เขียนไม่เป็น ได้เปิดหัวใจของมนุษยชาติเพื่อบรรจุใส่การศรัทธา เเละความดีงาม มีหลักศรัทธาที่ถูกต้อง มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ซึ่งบรรดามุสลิมไม่อาจจะละเลย ภาพพจน์ที่สว่างไสวนี้ได้ ภาพพจน์ในคืนที่พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงให้เกียรติต่อนบีมูฮำหมัด บุตรของอับดุลเลาะฮ์ ซ.ล. บ่าวของพระองค์ โดยการประทานอายะฮ์เเรกของคัมภีร์อัลกุรอาน เเละติดตามด้วยอายะฮ์อื่นๆ กระทั่งอายะฮ์สุดท้าย คือ

“วันนี้ ข้า (อัลเลาะฮ์) ได้ทำให้ศาสนาของสูเจ้าทั้งหลายครบสมบูรณ์สำหรับพวกสูเจ้า เเละข้าได้ทำให้ความโปรดปรานของข้าที่มีต่อสูเจ้าทั้งหลายครบครัน เเละข้าพอใจให้อิสลามเป็นศาสนาของสูเจ้าทั้งหลาย” (ซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์/ 3)
อายะฮ์นี้ได้ถูกประทานมายังท่านรอซูล ซ.ล. ขณะที่ท่าน วุกุ้ฟ ณ ทุ่งอะรอฟะฮ์ในฮัจญีอำลา

พิมพ์จาก : http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=36&id=1057
วันที่ : 10 กันยายน 52 14:04:28
มุสลิมไทย http://www.muslimthai.com