Tuesday, December 8, 2009

บทซิกิรเฉพาะสำหรับสภาวะและสถานการณ์ต่างๆ


บทซิกิรเฉพาะสำหรับสภาวะและสถานการณ์ต่างๆ
﴿الأذﻛﺎر اﻟﻤقيدة﴾
[ ไทย – Thai – [ تايلاندي
มุหัมมัด อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน
ผู้ตรวจทาน : ฟัยซอล อับดุลฮาดี
ที่มา : มุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
2009 - 1430
﴿الأذﻛﺎر اﻟﻤقيدة﴾
« باللغة اﻛﺤايلاندية »
ﻣﺤمد بن إبراهيم اﻛﺤوﻳﺠري
ترﺟﻤة: صاﻓﻲ عثمان
مراجعة: فيصل عبداﻟﻬادي
اﻟﻤصدر: كتاب ﻣﺨتﺼﺮ الفقه الإسلاﻣﻲ
2009 - 1430
1
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
บทซิกิรสำหรับสภาวะและสถานการณ์ต่างๆ
นี่เป็นบทซิกิรบางบทที่ใช้กล่าวในสภาวะและสถานการณ์เฉพาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใน
สภาวะปกติ หรือยามคับขัน หรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน
1. บทซิกิรในสภาวะปกติ
เมื่อสวมเสื้อผ้าใหม่
1. จากอบู สะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮฺอะ
ลัยฮิวะสัลลัม เมื่อสวมเสื้อผ้าใหม่ ท่านจะเรียกชื่อมัน เช่น เสื้อหรือผ้าโพกหัว แล้วท่านก็จะ
กล่าวว่า
اللّٰهُمَّ لَكَ اﻟﺤَمْدُ، أَنْتَ كَسَوْتَنِيْهِ »
، أسألك من خﻴﺮِه، وخﻴﺮِ مَا
َََََُِِْْْْ
صُنِعَ لَهُ، وَأعوذ بكَ مِنْ ﺷَﺮِّهِ، وَﺷَﺮِّ مَا صُنِعَ لَهُ
ِ
َُ
«
(คำอ่าน อัลลอฮุมมา ละกัลหัมดุ, อันตา กะเซาตะนีฮี, อัสอะลุกะ มิน
ค็อยริฮี, วะค็อยริ มา ศุนิอะ ละฮุ, วะอะอูซุบิกะ มิน ชัรริฮี, วะ ชัรริมา
ศุนิอะ ละฮุ)
ความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ แด่พระองค์นั้นคือมวลการสรรเสริญทั้งหลาย
พระองค์ได้สวมใส่มันให้แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอจากพระองค์
ซึ่งความดีงามของมัน และความดีงามของสิ่งที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ
การนั้น และข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่ว
ร้ายของมัน และความชั่วร้ายของสิ่งที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น"
อบู นัฎเราะฮฺ ผู้รายงานหะดีษได้กล่าวว่า เหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ
อะลัยฮิ วะสัลลัม เมื่อพวกเขาคนใดคนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า "(จงใส่
จนกระทั่ง)ให้มันเก่า แล้วอัลลอฮฺก็จะทรงทดแทน(อันใหม่ให้แก่ท่าน)" (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึก
โดย อบู ดาวูด 4020 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และอัต-ติรมิซีย์ 1767)
2. จากอุมมุ คอลิด เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา เล่าว่า มีเสื้อผ้าใหม่ถูกนำมาให้แก่ท่านรอซู
ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ในจำนวนนั้นมี เคาะมีเศาะฮฺ (ผ้าลายสีดำทำจากขน
สัตว์) อยู่ด้วย ท่านกล่าวถามเศาะหาบะฮฺว่า "พวกท่านเห็นว่าใครที่เราควรให้เขาใส่เคาะมี
เศาะฮฺนี้?" ผู้คนต่างก็เงียบไม่มีใครตอบ จากนั้นท่านนบีก็กล่าวว่า "ไปนำอุมมุ คอลิด มาให้
ฉัน" ฉันจึงถูกนำไปยังท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ วะสัลลัม แล้วท่านก็สวมเคาะมีเศาะฮฺให้
2
ฉันด้วยมือท่านเอง แล้วก็กล่าวสองครั้งว่า
أبﻠِﻲ وَأخْلِﻘِﻲ »
«ْ
(คำอ่าน อับลีย์ วะ อัคลิกีย์ )
ความว่า "จงสวมใส่ จนกระทั่งมันเก่าและผุพัง"
แล้วท่านก็มองดูลายของเคาะมีเศาะฮฺ และชี้ด้วยมือของท่านมายังฉันพร้อม
กล่าวว่า "นี่อุมมุ คอลิด (ลาย)นี้สวยน่ะ"
(บันทึก อัล-บุคอรีย์ 5845)
เมื่อเข้าบ้าน
จากญาบิร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ฉันได้ฟังท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่า
إذَا دَخَلَ الرَّجُلُ بَيْتَهُ، فَذَكَرَ الله عِنْدَ دُخُولِهِ وَعِنْدَ طَعَامِهِ، قَالَ »
الشيطان، لا مبيت لكم ولا عشاء، وإذا دخل فلم يذكرِ الله
ََََََََََََََََُُُِّْْْْ
عند دخوله، قال الشيطان أدركتم المبيت، وإذا لم يذكرِ الله
َََََََََُُُُِِِّْْْْْْ
.« عِنْدَ طَعَامِهِ قَالَ أَدْرَكْتُمُ المَبِيتَ وَالعَشَاءَ
ความว่า "เมื่อชายคนหนึ่งเข้าบ้านของเขา แล้วได้กล่าวถึงอัลลอฮฺ
ตอนเข้าบ้านและตอนทานอาหาร ชัยฏอนก็จะพูดว่า ไม่มีที่หลับ
นอนและไม่มีอาหารให้เราอีกแล้ว และเมื่อชายคนหนึ่งเข้าบ้านแต่
ไม่ได้กล่าวถึงอัลลอฮฺตอนเข้าบ้าน ชัยฏอนก็จะพูดว่า พวกเจ้าได้ที่
หลับนอนแล้ว และหากเขาไม่กล่าวถึงอัลลอฮฺตอนทานอาหาร
ชัยฏอนก็จะพูดว่า พวกเจ้าได้ที่หลับนอนและมีอาหารกินแล้ว"
(บันทึกโดย มุสลิม 2018)
เมื่อออกจากบ้าน
1. จากอุมมุ สะละมะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ
วะสัลลัม เมื่อออกจากบ้านของท่านจะกล่าวว่า
ت ﻟَﺒ الله، اللّٰهمَّ إنا نعوذ بك من أَن نزل أَوْ نضِلَّ، أَوْ 􀈢 بسم الله تَو ّ »
َّ
ِ
َْ
ِ
ُُّ
.« نظْلِمَ أَوْ غُظْلَمَ، أَوْ ﻧﺠْهَلَ أَوْ يُجْهَلَ عَلَينا
(คำอ่าน บิสมิลลาฮฺ ตะวักกัลตุ อะลัลลอฮ,ฺ อัลลอฮุมมา อินนา นะ
อูซุบิกา มิน อัน นะซิลละ เอา นะฎิลละ, เอา นัซลิมะ เอา นุซละมะ
, เอา นัจญ์ฮะละ เอา ยุจญ์ฮะละ อะลัยนา)
3
ความว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันขอมอบหมายที่พึ่งยังอัลลอฮฺ
โอ้ อัลลอฮฺ เราขอความคุ้มครองต่อพระองค์ จากการที่เราต้อง
กระทำผิดพลาด หลงทาง อยุติธรรมแก่ผู้อื่น ถูกอธรรมโดยผู้อื่น ไม่
รู้ผิดชอบชั่วดี หรือถูกผู้อื่นกระทำไม่ดี
(บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ 4327 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และ
อัน-นะสาอีย์ 5486)
2. จากอะนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม กล่าวว่า
ْتُ ﻟَﺒَ الله، لا 􀈢 إذَا خَرَجَ الرَّجُلُ مِنْ بَيْتِهِ فَقَالَ: بِاسْمِ الله، تَوَ َّ »
حول ولا قوة إلا بِا
يُقَالُ حِينَئِذٍ هُدِيتَ وَكُفِيتَ وَوُقِيتَ » : قَالَ « لََََُّّْلهِ
لَهُ الشَّيَاطِﻴﻦُ، فَيَقُولُ لَهُ شَيْطَانٌ آخَرُ: كيف لك برجلٍ 􀅵 فَتَتَنَ َّ
َُِ
ََََ
َ􀈛 قَد هدي وَكﻔِﻲَ وَوُ ِ
.«َُُِْ
ความว่า "เมื่อชายผู้หนึ่งออกจากบ้านของเขาและได้กล่าวว่า
บิสมิลลาฮฺ ตะวักกัลตุ อะลัลลอฮฺ, ลาเหาละ วะลา กุวฺวะตะ อิลลา
บิลลาฮฺ (ความว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันขอมอบหมายที่พึ่ง
ยังอัลลอฮฺ ไม่มีความสามารถและพละกำลังใดที่เกิดขึ้นเว้นแต่ด้วย
การอนุมัติของอัลลอฮฺ) เมื่อนั้นก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านได้รับการ
ชี้นำแล้ว ท่านได้รับการคุ้มครองแล้ว ท่านได้รับการปกป้องแล้ว
และชัยฏอนทั้งหลายก็จะพยายามเข้าใกล้เขา แต่จะมีชัยฏอนตัวอื่น
กล่าว่า เจ้าจะทำอย่างไรได้เล่ากับชายซึ่งได้รับการชี้นำ ได้รับการ
คุ้มครองและปกป้องแล้ว?"
(บันทึกโดย อบู ดาวูด 5095 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และอัต-
ติรมิซีย์ 3426)
เมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ
จากอะนัส เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม
ต้องการเข้าห้องน้ำ ท่านจะกล่าวว่า
أعوذ بكَ مِنَ اﻟﺨُبُ 􀅚 اللّٰهُمَّ إِ »
ِ
.« ثَُِِّ وَاﻟﺨَبَائِثِ
(คำอ่าน อัลลอฮุมมา อินนี อะอูซุบิกะ มินัล คุบุษิ วัล เคาะบาอิษ)
ความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริงข้าพระองค์ของความคุ้มครองต่อ
พระองค์จากชัยฏอนตัวผู้และชัยฏอนตัวเมียทั้งหลาย"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 142 และมุสลิม 357)
4
เมื่อออกจากห้องน้ำ
จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา เล่าว่า เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ
วะสัลลัม ออกจากห้องน้ำ ท่านจะกล่าวว่า
« لُفْرَانَكَ »
(คำอ่าน ฆุฟรอ นะกะ)
ความว่า "ขอการอภัยโทษจากพระองค์ด้วยเถิด" (บันทึกโดย อบู
ดาวูด 30 และอัต-ติรมิซีย์ 7)
เมื่อมุ่งหน้าไปยังมัสญิด
จากอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่าท่านได้นอนที่บ้านน้าสาวของท่านคือ
มัยมูนะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา (เป็นภริยาท่านหนึ่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม)
ในคืนหนึ่ง ซึ่งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้อยู่กับนางด้วย ในรายงานระบุว่า เมื่อ
มีผู้อะซานได้ทำการอะซาน(ศุบห์)แล้ว ท่านนบีก็ออกไปละหมาด โดยท่านได้กล่าวดุอาอฺ
ในขณะออกไปมัสญิดว่า
نُوراً، واجعل ﻓِﻲ سَمْﻌِﻲ نُوراً، 􀅚 لسا 􀈙 اللّٰهم اجعل ﻓِﻲ قلﺒﻲ نُوراً، و »
َََََِِْْْْ
ْ
ِ
َُّْ
وَاجْعل ﻓﻲ بﺼﺮي نُوراً، وَاجْ
َِِ
عََْلْ مِنْ خلﻔِﻲ نُوراً، وَمِنْ أَمَاﻣِﻲ نُوراً، وَاجْعَلْ
َْ
نُوراً، ومن تحﺘﻲ نُوراً، اللّٰ 􀈛 من فو
ِ
ََِِِْْْ
هَم أعطﻨﻲ نُوراً
«َُِّْ
(คำอ่าน อัลลอฮุมมัจญ์อัล ฟี ก็อลบี นูรอ, วะฟี ลิซานี นูรอ, วัจญ์อัล
ฟี ซัมอี นูรอ, วัจญ์อัล ฟี บะเศาะรี นูรอ, วัจญ์อัล มิน ค็อลฟี นูรอ,
วะมิน อะมามี นูรอ, วัจญ์อัล มิน เฟากี นูรอ, วะมิน ตะห์ตี นูรอ, อัล
ลอฮุมมะ อะอฺฏีนี นูรอ)
ความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรงทำให้มีนูรฺ(รัศมีอันส่องประกาย)ในใจ
ฉัน ที่ลิ้นฉันก็ให้มีนูรฺ ขอทรงทำให้มีนูรฺที่หูฉัน ขอทรงให้มีนูรฺที่ตา
ฉัน ขอทรงให้มีนูรฺข้างหลังฉัน และมีนูรฺข้างหน้าฉัน ขอทรงทำให้
มีนูรฺเบื้องบนฉัน และให้มีนูรฺที่เบื้องล่างฉัน โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรง
ประทานนูรฺแก่ฉันด้วยเถิด"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 6316 มุสลิม 763 สำนวนรายงานนี้เป็นของ
ท่าน)
เมื่อเข้าและออกมัสญิด
1. จากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ
วะสัลลัม ว่า เมื่อท่านนบีเข้ามัสญิดท่านจะกล่าวว่า
أعوذ بالله العظيمِ، وَبِوَجههِ الكرِيمِ، وَسُلْطَانِهِ القَدِيمِ مِنَ »
َ
َِِِْ
َُ
.« الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ
5
(คำอ่าน อะอูซุบิลลาฮิลอะซีม, วะบิ วัจญ์ฮิฮิล กะรีม, วะสุลฏอนิฮิล
เกาะดีม, มินัช ชัยฏอนิร เราะญีม)
ความว่า "ข้าขอความคุ้มครองด้วยอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ และด้วย
พระพักตร์อันทรงเกียรติของพระองค์ และด้วยอำนาจอันดั้งเดิมของ
พระองค์ จากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด 466)
2. เมื่อเข้ามัสญิด
اللّٰهم افتَح ﻟﻲ أَبْوَابَ رَحْمَتِكَ »
«َُِّْ
(คำอ่าน อัลลอฮุมมัฟตะห์ลี อับวาบะ เราะหฺมะติก)
ความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรงเปิดประตูทั้งหลายแห่งความเมตตา
ของพระองค์แก่ฉันด้วยเถิด"
(บันทึกโดย มุสลิม 713)
เมื่อออกจากมัสญิด
« أَسْأَلُكَ مِنْ فَضْلِكَ 􀅚 اللّٰهُمَّ إ ِّ »
(คำอ่าน อัลลอฮุมมะ อินนี อัสอะลุกะ มิน ฟัฎลิก)
ความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริงข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ จากความ
ประเสริฐของพระองค์ด้วยเถิด"
(บันทึกโดย มุสลิม 713)
เมื่อได้ยินเสียงอะซาน
1. จากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ บิน อัล-อาศ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่าได้ยินท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
إذَا سَمِعْتُمُ المُؤَذِّنَ فَقُولُوا مِثْلَ مَا يَقُولُ، عُمَّ صَلُّوا عَﻠَﻲَّ؛ فَإنَّهُ »
مَنْ صَﻠَّﻰ عَﻠَﻲَّ صَلاةً صَﻠَّﻰ اللهُ عَلَيهِ بِهَا عَﺸْﺮاً، عُمَّ سَلُوا اللهَ ﻟِﻲَ
الوسيلة فإغها مﻨﺰِ
لَََِّْة ﻓﻲ اﻟﺠنةِ لا تنبَﻐﻲ إلَّا لِعَبْدٍ مِنْ عِبَادِ اللهِ
ِ
ََِّْ
،ٌَ
وأرجو أن أكون أنا هوَ، فمن سألَ ﻟِﻲَ الوَسِيلَةَ حَلَّتْ لَهُ
َََََََََََُُُْْْ
.« الشَّفَاعَةُ
ความว่า "เมื่อพวกท่านได้ยินผู้ขับเสียงอะซาน ก็จงกล่าวตามเขา
จากนั้นก็จงกล่าวเศาะละวาตแก่ฉัน เพราะผู้ใดที่กล่าวเศาะละวาต
แก่ฉันหนึ่งครั้งอัลลอฮฺจะทรงประทานเมตตาของพระองค์แก่เขาสิบ
เท่า จากนั้นก็จงขอต่ออัลลอฮฺให้ประทาน อัล-วะสีละฮฺ แก่ฉัน
แท้จริงมันเป็นตำ แหน่งหนึ่ง(อันสูงส่ง)ในสวรรค์ ซึ่งที่นั้นมันไม่
6
เหมาะเว้นแต่สำหรับบ่าวหนึ่งคนเท่านั้นจากบรรดาบ่าวทั้งหลาย
ของอัลลอฮฺ และฉันหวังว่าเขาผู้เหมาะสมคนนั้นจะเป็นฉัน ดังนั้น
ผู้ใดที่ขอ อัล-วะสีละฮฺ ให้แก่ฉัน การช่วยเหลือของฉัน(อัช-
ชะฟาอะฮฺ)ก็ย่อมได้รับอนุมัติสำหรับเขา" .
(บันทึกโดย มุสลิม 384)
2. จากญาบิรฺ อิบนุ อับดุลลอฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่าได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
عْوَةِ اﻛﺤَّامَّةِ، 􀈅 مَنْ قَالَ حِﻴﻦَ يسَْمَعُ اجِّدَاءَ: اللّٰهُمَّ رَبَّ هَذِهِ ا َّ »
وَالصَّلاةِ القَائِمَةِ، آتِ مُحَمَّداً الوَسِيلَةَ وَالفَضِيلَةَ، وَانْعَثْهُ مَقَاماً
ي وَ 􀈆 محمودا ا ِ
عًََُّْدته، حَلت له شفاعَﺘِﻲ يَومَ القِيَامَةِ
.«ََََُُّْْ
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวเมื่อได้ยินเสียงอะซานว่า อัลลอฮุมมะ ร็อบบะ
ฮาซิฮิด ดะอฺวะติต ต๊ามมะฮฺ, วัศเศาะลาติล กออิมะฮฺ, อาติ มุหัมมะ
ดะนิล วะสีละตะ วัล ฟะฎีละฮฺ, วับอัษฮุ มะกอมัม มะห์มูดะนิล ละซี
วะอัดตะฮฺ, (ความหมาย โอ้ อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งเสียงการ
เรียกร้องอันสมบูรณ์นี้ และพระผู้อภิบาลแห่งการละหมาดที่ดำเนิน
ขึ้น ขอทรงโปรดประทาน อัล-วะสีละฮฺ (ดูความหมายในหะดีษก่อน
หน้า) และ อัล-ฟะฎีละฮฺ (ตำแหน่งหนึ่งอันสูงส่งในสวรรค์ หรือมี
ความหมายในนัยยะเดียวกันกับ อัล-วะสีละฮฺ) แก่มุหัมมัดด้วยเถิด
และขอทรงโปรดให้เขาฟื้นขึ้นในวันกิยามะฮฺในสภาพที่ได้รับการยก
ย่องสรรเสริญด้วยเถิด) การช่วยเหลือของฉัน(อัช-ชะฟาอะฮฺ)ก็จะ
ได้รับอนุมัติสำหรับเขาในวันกิยามะฮฺ".
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 614)
3. จากสะอัด อิบนุ อบี อัล-วักกอศ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ จากท่านรอซูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
مَنْ قَالَ حِﻴﻦَ يسَْمَعُ المُؤَذِّنَ: أَشْهَدُ أَنْ لا إلٰهَ إلَّا اللهُ وَحْدَهُ لا »
ﺷَﺮيكَ لَهُ، وَأَنَّ مُحَمَّداً قَبْدُهُ وَرَسُولُهُ، رَضِيتُ بِاللهِ
رَبّاً،
وَبِمُحَمَّد رسُولا، وَبالإسْلامِ دِيناً، غُفِرَ لَهُ ذَغْبُهُ
ِ
.«ًٍَ
ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวเมื่อได้ยินเสียงผู้อะซานว่า อัชฮะดุ อัลลา อิลา
ฮะ อิลลัลลอฮฺ วะฮฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮฺ, วะอันนะ มุหัมมะดัน อับดุฮุ
วะเราะซูลุฮฺ, เราะฎีตุ บิลลาฮิ ร็อบบา, วะบิ มุหัมมะดิร เราะซูลา, วะ
บิล อิสลามิ ดีนา (ความหมาย ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่
ควรต้องเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น โดยไม่มีภาคี
ใดๆ สำหรับพระองค์ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของ
7
พระองค์ ข้าพอใจด้วยอัลลอฮฺเป็นพระผู้อภิบาลของฉัน พอใจด้วย
มุหัมมัดเป็นศาสนทูตของฉัน และพอใจด้วยอิสลามเป็นศาสนาของ
ฉัน) บาปของเขาก็จะถูกอภัยให้"
(บันทึกโดย มุสลิม 386)
8
2. บทซิกิรที่ใช้กล่าวในยามทุกข์เข็ญ
เมื่อประสบความทุกข์ยากลำบาก
1. จากอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่าท่านรอซูลุลลอฮฺ เมื่อประสบกับ
ความทุกข์ยากจะกล่าวว่า
لا إلٰهَ إلَّا اللهُ العَظِيمُ اﻟﺤَلِيمُ، لا إلٰهَ إلَّا اللهُ رَبُّ العَرْشِ »
العَظِيمِ، لا إلٰهَ إلَّا اللهُ رَبُّ السماوَات، وَرَبُّ الأَرْضِ، وَرَبُّ
ِ
َّ
العرش الكريمِ
«ََِْ
(คำอ่าน ลา